ลักษณะของการเคลมประกัน

ลักษณะของการเคลมประกัน

การเคลมประกันเป็นสิ่งที่ผู้ทำประกันภัยรถยนต์ควรจะทราบข้อมูลเบื้องต้นไว้ เพื่อที่จะได้ส่งผลประโยชน์ที่คุ้มค่าต่อตัวผู้ทำประกันเอง ทั้งข้อมูลของกรณีต่างๆที่สามารถเคลมประกันได้หรือขั้นตอนของการเคลมประกัน และอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเคลมประกันจะสามารถทำได้เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุหรือความผิดปกติกับตัวของรถยนต์ ทั้งภายในและภายนอกของตัวรถ ซึ่งบริษัทประกันภัยรถยนต์จะแบ่งการเคลมประกันออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆคือ

cars-710332_640

การเคลมประกันแบบสด

การเคลมประกันแบบสด คือการเคลมประกัน ณ จุดที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น เมื่อเกิดเหตุรถชนกันและมีคู่กรณี หรือมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุนั้น ผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์ไว้จะต้องโทรแจ้งไปยังบริษัทที่ทำประกันภัยรถยนต์ซึ่งการแจ้งบริษัทประกันนี้จะมีวิธีการแจ้งที่แตกต่างกันตามแต่ละบริษัท และการแจ้งเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งตำแหน่งจุดเกิดเหตุให้ชัดเจน มีการบอกสถานที่ที่สามารถเห็นได้ชัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยรถยนต์สามารถเข้ามาดูแลเราได้เร็วที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันมาดูที่เกิดเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินสภาพของอุบัติเหตุ เก็บหลักฐาน เช่น การถ่ายภาพบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุของรถที่ทำประกันภัยไว้ และร่องรอยจุดที่เกิดอุบัติเหตุบนรถของคู่กรณี และผู้ที่ทำประกันสามารถทำการแจ้งเคลมประกันรถยนต์กับเจ้าหน้าที่ได้ทันที ซึ่งในกรณีแบบนี้ เจ้าหน้าที่ประกันภัยจะออกเอกสารค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมรถเพื่อให้ผู้ที่ทำประกันนั้นสามารถนำรถไปซ่อมยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ได้ตกลงตามเงื่อนไขของประกันภัย หรือออกเอกสารสำหรับค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นๆ

pkw-22378_640

การเคลมประกันแบบแห้ง

การเคลมประกันลักษณะนี้ คือการเคลมประกันในรูปแบบที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งมักจะเป็นอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ และมักจะไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนประตูรั้วบ้าน หรือขับรถขูดกับขอบถนน อาจทำให้ตัวถังของรถเกิดการบุบหรือเกิดรอยถลอก รอยขีดข่วน ของสีบนตัวถังรถ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผู้ทำประกันจะสามารถนำรถเข้าไปซ่อมยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ได้ตกลงตามเงื่อนไขของประกันภัยได้ก่อนที่กรมธรรม์จะหมดอายุ ซึ่งการเคลมประกันรูปแบบนี้ ผู้ทำประกันมักจะเลือกสถานที่ให้บริการซ่อมรถเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยที่ผู้ทำประกันจะต้องมีเอกสารด้านกรมธรรม์ของบริษัทประกันภัยรถยนต์ สำเนาใบขับขี่ และสำเนาทะเบียนรถ ไปด้วย เพื่อใช้แสดงเป็นหลักฐานแก่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถนั้นๆ

อย่างที่กล่าวมาว่าการเคลมประกันจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ทำประกันเข้าใจและรู้ถึงขั้นตอนที่ควรปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อให้ผู้ทำประกันได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกันภัยรถยนต์

สนใจข้อมูลประกันภัยรถยนต์ได้ที่นี่